soccer cards autograph cards

สิ่งที่ต้องรู้ เมื่อจะเริ่มสะสมการ์ดฟุตบอล : คู่มือสำหรับมือใหม่

การ์ดฟุตบอลคืออะไร ?

การ์ดฟุตบอลก็คือ ของสะสมในรูปแบบการ์ด ซึ่งการ์ดแต่ละใบจะพิมพ์ภาพนักเตะ มีข้อมูลหรือสถิติต่าง ๆ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ

การ์ดฟุตบอล 2022 Panini Prizm FIFA World Cup Diogo Jota Green Pulsar Autograph
“2022 Panini Prizm FIFA World Cup Diogo Jota Green Pulsar Autograph” “Rest In Peace

โดยการ์ดจะมีทั้ง การ์ดลายเซ็นนักเตะ การ์ดชิ้นส่วน ซึ่งอาจจะเป็น เสื้อ ชิ้นส่วนรองเท้า
หรืออื่นๆ การ์ดรันนัมเบอร์ (การ์ดที่ผลิตแบบจำกัดตามจำนวนที่ระบุไว้ในการ์ด)

De Bruyne Autograph Card
“การ์ดลายเซ็น”
Relic Diego Moreira RC
“การ์ดชิ้นส่วน”
Kobbie Mainoo RC
“การ์ดรันนัมเบอร์”

การ์ดที่มี ความพิเศษหรือหายาก มากเท่าไหร่ มูลค่าก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น

การ์ดฟุตบอล ผลิตโดยบริษัทต่าง ๆ เช่น Panini, Topps, Futera และยังมีอื่น ๆ อีก
ซึ่งแต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

2022-23 Panini Prizm Premier League Hobby  Box
“ตัวอย่างกล่องการ์ดฟุตบอลที่ผลิตโดยบริษัท PANINI
2021-22 Topps Chrome Uefa Champios League Hobby Box
“ตัวอย่างกล่องการ์ดฟุตบอลที่ผลิตโดยบริษัท TOPPS

ทำให้การสะสมการ์ดฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องของความชอบส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นงานอดิเรกที่สามารถต่อยอดเป็น การลงทุน ได้

The Most Expensive Soccer Card in The World Messi
“การ์ดที่แพงที่สุดในโลก (*ข้อมูล ณ Jul 2025) ถูกประมูลที่ Goldin Auctions ด้วยราคา 522,000 USD”

ตามที่ผมได้ถาม Chat GPT มา (ฮ่า ๆ ๆ) AI บอกว่า ในช่วงปี 2020–2024 มูลค่าตลาด
การ์ดฟุตบอล ทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
คิดเป็นเงินไทยก็ไม่เท่าไหร่หรอกแค่ “112,500 ล้านบาท” ย้ำว่าต่อปี

การ์ดฟุตบอลมีกี่ประเภท?

จริง ๆ ผมไม่อยากให้ซีเรียสเกี่ยวกับประเภทของมันเท่าไหร่
เพราะว่าการจะไปแบ่ง ประเภทของการ์ดฟุตบอล นั้นขึ้นอยู่กับว่าเราจะยึดหลักเกณฑ์แบบไหน

บางคนอาจจะแบ่งตามความหายาก หรือระดับความพรีเมี่ยม
แต่ถ้าจะให้เล่าตามประสบการณ์ตอนเริ่มสะสม ผมจะแบ่งง่าย ๆ แค่สองแบบ ตามวัตุประสงค์หลัก
คือ Trading Card กับ Trading Card Game

trading card game
Trading Card Game หรือการ์ดเกม มีค่าพลัง”
Cole Palmer RC Mosaic EPL
Trading Card สะสม ซื้อ-ขาย บางใบราคาแพงมาก”

Trading Card” เน้นสะสม ซื้อขาย แลกเปลี่ยน การ์ดที่ราคาแพง ๆ คือแบบนี้
Trading Card Game” เน้นเล่นเกม สนุกมีค่าพลัง สะสม

เมื่อเริ่มสะสมเราจะได้รู้จัก การ์ดประเภทต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งเราอาจจะแยกประเภทมันออกตามความหายาก เช่น Base Card, Insert Card, Parallel Card, AutographCard, Relic / Patch Card

เรื่อง การ์ดฟุตบอล รายละเอียดมันค่อนข้างเยอะ เราจึงควรศึกษาเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการสะสม
และอัปเดทข้อมูลตลอดเวลาครับ

เริ่มต้นอย่างไร ? ซื้อกล่อง vs การลงเบรค vs ซื้อการ์ด

ซื้อกล่อง (Sealed Box) มาเปิดเอง

คำถามที่ผมได้ยินบ่อยที่สุดคือ “ซื้อกล่องไหนดีถึงจะคุ้มค่า ?
คำตอบคือ “ไม่มี” เราจะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อ เราเปิดได้การ์ดที่หายากจากกล่องนั้น หรือที่เรียกกันว่า “ฮิต” ซึ่งเราสามารถจะเปิดจากกล่องไหนก็ได้ ถ้าเรามีดวงที่จะ ฮิต !!!

ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็น “กล่องไหนมีโอกาสที่คุ้มค่า ?” คำถามนี้ตอบได้แน่นอนครับ
คือ “กล่อง Hobby Box“ซึ่งกล่องพวกนี้ จะการันตีการ์ดลายเซ็น และการันตีใบรันนัมเบอร์

2021-22 Panini Donruss Soccer Hobby Box
กล่อง Hobby Box ราคาราวๆ 10,000.- บวก ๆ การันตี 1 ลายเซ็น, 1 ชิ้นส่วน, 6 ใบรันนัมเบอร์

กล่อง Hobby Box” มีราคาแพง และยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี ที่จะเปิดแล้วคุ้มค่ากล่อง
แต่มันมีโอกาสมากกว่ากล่องที่ไม่การันตี

สรุป ซื้อกล่อง มาเปิดเอง เราจะได้ความสนุก ตื่นเต้น และการสะสมที่ให้ความรู้สึกอีกแบบเพราะเราเป็นคนเปิดเองกับมือ

การลงเบรค (Group Break) โอกาสของนักลงทุน

การลงเบรค (Group Break) คืออะไร ? ถ้าเอาแบบเข้าใจง่าย ๆ คือการหาคนมาเฉลี่ยค่ากล่องที่มันแพง ๆ นั่นแระ

โดยทุกคนจะซื้อ “สิทธิ์” หรือที่เราเรียกกันว่า “Spot” ในการเป็นเจ้าของการ์ดของทีมหรือนักเตะใด ๆ ที่เปิดได้จากกล่องนั้น ซึ่งจะมี Breaker หรือ คนเปิดกล่อง เป็นคนจัดการไลฟ์สด เปิดกล่องให้ทุกคนดูแบบสด ๆ ลุ้นไปพร้อมกัน ถ้าการ์ดที่เปิดออกมาตรงกับ “Spot” ที่เราซื้อไว้ การ์ดใบนั้นก็จะเป็นของเรา

ing's cards shop
ลงเบรค (Group Break) ไลฟ์สดและลุ้นไปพร้อม ๆ กัน”

รูปแบบการลงเบรค” ก็จะมีหลายแบบ เช่น แบบเลือกทีมเอง (Pick Your Team), แบบเลือกนักเตะเอง (Pick Your Player), แบบสุ่มทีม (Random Team) หรืออื่น ๆ

ในไทยมี “Breaker” เยอะมาก ซึ่งเป็น อาชีพ อย่างหนึ่งเลย ไม่ต้องห่วงครับ
ถ้ายังไม่เข้าใจทักไปสอบถาม “Breaker” ได้ พวกเขาจะยินดีให้คำตอบคุณแน่นอน

สรุป การลงเบรค (Group Break) เท่ากับการแชร์ความเสี่ยง จึงเหมาะกับการลงทุนและสะสมมาก เราไม่ต้องจ่ายราคาแพงในการซื้อกล่องแต่ยังมีโอกาสได้การ์ดที่เราอยากได้

ซื้อการ์ด (Single Card)

ซื้อการ์ด (Single Card) คือวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด เราต้องการสะสมหรือลงทุนกับการ์ดใบไหนก็ซื้อเลยครับ โดยการ์ดที่ขายกันจะมีอยู่สองแบบหลัก ๆ คือ Raw Card และ Graded Card

Raw Card คือการ์ดที่ยังไม่ได้ผ่านการเกรด เป็นการ์ดเดิม ๆ ที่เปิดจากกล่อง ถ้าจะซื้อแบบนี้ เราต้องเช็คสภาพการ์ดให้ดีก่อนซื้อ เช่น มุม ขอบ Center พื้นผิวการ์ด เพราะมันมีผลต่อราคาการ์ดในอนาคต

Conor Bradley RC Liverpool FC
“ตัวอย่าง Raw Card ที่ถูกเก็บไว้ใน Magnetic Case โดยผู้สะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เสียหาย”

Graded Card คือการ์ดที่ถูกส่งไปประเมินสภาพโดยบริษัทรับเกรด เช่น PSA, BGS เมื่อผ่านการเกรดก็จะได้คะแนนสภาพการ์ดและ ถูกเก็บไว้ในกรอบแข็งอย่างดีที่เราเรียกว่า “Slab” ทำให้การ์ดที่ผ่านการเกรดแล้ว มีราคาซื้อขายสูงกว่า การ์ดที่ยังไม่ผ่านการเกรด เพราะผู้ซื้อมั่นใจในสภาพการ์ดที่ถูกรับรองโดย บริษัทเกรดที่มีความน่าเชื่อถือ นั่นเอง

Pele Aurograph Devid Beckham PSA
“ตัวอย่าง Graded Card โดยบริษัท PSA คะแนนสภาการ์ด 9 คะแนนสภาพลายเซ็น 10 (คะแนนเต็ม 10)”

สรุป ซื้อการ์ด (Single Card) ถ้า “เน้นสะสม” หรืออยากลุ้นสภาพการ์ดเอง ก็ซื้อ Raw Card เราอาจจะได้การ์ดสภาพดีมากในราคาที่ถูกและส่งไปเกรดเองก็เป็นช่องทางทำกำไรได้ แต่ถ้า “เน้นลงทุน” Graded Card เป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก ความเสี่ยงน้อยกว่าและตลาดให้การยอมรับ

ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ จากประสบการณ์ส่วนตัว

  • ถ้ายังนึกไม่ออกว่าตลาดการ์ดเป็นยังไง ให้นึกถึงวงการพระเครื่อง เหมือนกันเลย
  • ควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนใด ๆ เพราะการลงทุนใด ๆ ก็ตาม ไม่มีได้มาง่าย ๆ
  • จำกัดงบประมาณ สำคัญที่สุด! ถ้าไม่ควบคุมอาจบานปลายได้
  • ซื้อกล่อง Sealed Box มาเปิด ให้คิดเหมือนการซื้อลอตเตอรี่นั่นแระ
  • เรียนรู้ตลอดเวลา หากลุ่ม Facebook หรือไลฟ์กลุ่มเบรค จะช่วยให้เรียนรู้เร็วขึ้น แถมได้อัปเดตตลอด ทั้งเรื่องกระแส ราคา ข้อมูลต่าง ๆ

ถ้าอยากรู้ว่าการเปิดกล่องจริง ๆ ว่ามันลุ้นและสนุกยังไง
ผมมีช่อง YouTube ที่เอาไว้เปิดกล่องการ์ด
แวะเข้าไปดูที่ Ing’s Cards ได้เลยครับผม