วิธีตั้งเป้าหมาย 101
ทำไมเราถึงล้มเลิกต่อเป้าหมายอย่างรวดเร็ว? บางทีเราอาจจะแค่ตั้งเป้าหมายผิดไปแล้ววิธีตั้งเป้าหมายที่ดีควรเป็นอย่างไร?
เสียงที่แผดดังของผมทำให้ลูกชายสะดุ้งเมื่อผมบอกให้เขานั้นหยุดทำสิ่งที่ผิดโดยใช้มาตรฐานของผู้ใหญ่อย่างตัวผม เขาร้องไห้และผมยังไม่หยุดที่จะต่อว่า
นั่นคือเหตุการณ์ที่กัดกินหัวใจของผมมาตลอด…
คำถามเกิดขึ้นในหัวผมมากมาย
เราโมโหได้ยังไง ? เราทำแบบนั้นไปทำไม ? ทั้งที่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้มาก
ผมคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมเป็นพ่อที่เลี้ยงดูลูกเป็นหลัก
ความวุ่นวาย ความเร่งรีบ สิ่งที่ผมอยากทำ…มันหายไปหมด
ผมไม่ได้โมโหลูกชายหรอกครับ ผมโมโหกับทุกอย่างรอบตัวและลูกชายก็แค่อยู่ใกล้
ผมยิ่งเสียใจและผมต้องหาทางจัดการมัน
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการ “ตื่นเช้า”
“การตื่นเช้า” อาจดูไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเรื่องโมโห หงุดหงิดง่ายของผมในตอนแรก
แต่จริงๆ แล้วมันนำพาไปสู่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การมีเวลาให้ตัวเอง การได้พูดคุยกับตัวเอง
และการได้อยู่กับตัวเองซักพักหนึ่ง ก่อนที่ชีวิตจะถูกดูดเข้าสู่โหมดหน้าที่การงานและภาระต่างๆ
มันเหมือนกับได้เจอ “ทางสว่าง” เล็ก ๆ ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ มันมหัศจรรย์มาก
เหมือนในหนังสือ Miracle of Five AM เลย มันคือ Miracle จริงๆ
ต้องตื่นเวลาไหนดีล่ะ ?
ไม่มีเวลาไหนที่ดีที่สุดครับ เพราะทุกคนมีจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน เราต้องสำรวจตัวเองก่อน
ผมตั้งคำถามว่า “เวลาไหนที่เงียบและทุกคนยังไม่ตื่น ?”
อย่างกรณีของผม ลูกชายผมมักจะตื่น 6:45 ดังนั้นผมจึงเลือกเวลาตื่นตี 5 นอน พยายามเข้านอน 3 ทุ่มครึ่ง เพื่อให้ได้เวลานอน 7.5 ชั่วโมง ดีต่อสุขภาพกายและพลังใจ
ตื่นมาแล้วทำอะไรดี ?
“คำถามง่ายๆ ใช้พลังงานสมองมากกว่าที่เราคิด”
เช่น “เช้านี้จะทำอะไรดี ?” “เช้านี้จะกินอะไรดี ?” เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำและสำคัญมากคือ
การสร้างกิจวัตรยามเช้า (Morning Routine) มันช่วยให้เราประหยัดพลังงานและไม่หลุดโฟกัส
ตัวอย่าง Morning Rountine ง่ายๆ
Morning Routine A (วันที่ออกกำลังกาย)
Morning Routine B (วันที่ไม่ออกกำลงกาย)
วางแผนรับมือ “วันที่ผิดแผน”
แม้วางแผนมาอย่างดีแต่วันที่ผิดแผนสามารถเกิดขึ้นได้ ให้จดสิ่งที่เคยทำให้เราผิดแผนมาแล้ว
และ “เตรียมแผนสำรอง” ตัวอย่างเช่น
การมีแผนสำรอง คือการประหยัดพลังงานสมอง
จะว่าเป็นเคล็ดลับก็ไม่เชิงน่าจะเรียกว่าการแชร์ประสบการณ์มากกว่า เพราะกว่าผมจะได้ Morning Routine ที่ “ถูกจริตตัวเอง” ผมมีการปรับเปลี่ยนหลายครั้งจนได้รูปแบบที่คิดว่าโอเคสำหรับเรา
แค่ลุกจากที่นอน อย่าคิดเยอะ
ถ้าคุณยังต้องใช้นาฬิกาปลุกอยู่ การตื่นตอนเช้าจะยังคงเป็นเรื่องท้าทายเสมอเพราะสมองมันจะพยายามกล่อมเราว่า “วันนี้เอาไว้ก่อนก็ได้”
เมื่อเสียงนาฬิกาดังแค่ต้อง ลุก! อย่าพึ่งคิด…ไปถึงสิ่งที่จะต้องทำในเวลาต่อไป
ดื่มน้ำทันที
หลังจากลุกจากที่นอน สิ่งแรกที่ควรทำคือดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว เหมือนสั่งการร่างกายให้ “รีบูต” ตัวเองในตอนเช้า
การเขียน เป็นเครื่องมือที่มหัศจรรย์กว่าที่คิด เขียนมันออกมาทั้งเรื่องดี เรื่องไม่ดี ความสุข ความทุกข์ จะมีสาระหรือไม่มีสาระก็ได้ ขอแค่ “เอามันออกมา”
เลือกกิจกรรมที่เราสนใจหรือสิ่งที่อยากทำแล้วมักบ่นว่า “ไม่มีเวลา” แล้วจัดสรรเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงต่อวัน ทำมันซะ
ออกกำลังกาย = ฝึกวินัย
การออกกำลังกายตอนเช้าไม่ใช่เพื่อสุขภาพแต่มันคือการฝึกวินัย (สุขภาพคือของแถม)
เลือกประเภทออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง เดิน วิ่ง เวทเทรนนิ่ง แต่ต้องมีเวลาให้กับมัน
อย่าเพิ่งจับโทรศัพท์มือถือเด็ดขาดในช่วงเช้าเพราะมันจะกลืนเวลาและพลังเราไปหมด
ผิดแผนบ้าง ไม่เป็นไร
อย่าเครียด อย่ารู้สึกผิด การสร้าง Morning Routine คือการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
“ไม่ใช่การลงโทษตัวเอง”
ผมโชคดีที่สามารถตื่นเช้าได้แต่อีกหลายๆ คน ด้วยภาระหน้าที่การงาน ตอนเช้าอาจจะเป็นเวลาเข้านอน การตื่นเช้าไม่ใช่เรื่องหลักเลยครับ สิ่งที่สำคัญคือ “การได้มีเวลาให้กับตัวเอง”
ตอนเช้ามันแค่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะเพราะมันเงียบ สงบ เท่านั้นเอง ผมแค่อยากจะสื่อว่า
ไม่ว่าคุณจะมีจังหวะเวลาชีวิตแบบไหน ขอแค่หา “เวลาของตัวเอง” ให้เจอ มันเปลี่ยนชีวิตได้จริง ๆ
ตอนนี้…
คือถ้าจะให้พูดสิ่งที่ได้มันค่อนข้างเป็นมุมมองส่วนตัว แต่สิ่งที่รับรู้ได้และผมวัดมันได้จริงๆ คือ
“ผมมีความสุขขึ้นมากๆ“